วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564

มหรสพไทย




แบบทดสอบก่อนเรียน

https://docs.google.com/forms/d/1E7ut5zsIZUQJLulQYw0fjv9sQ3bAEp3nNqNihv27XBM/edit?usp=forms_home&ths=true


 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ไปยังการนำทางไปยังการค้นหา
หนังใหญ่

หนังใหญ่ คือมหรสพที่แพร่หลายของคนไทยอีกอย่างหนึ่ง ตัวหนังจะใช้แผ่นหนังวัวฉลุเป็นรูปตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ และมีไม้ผูกทาบตัวหนังไว้ทั้งสองข้าง เพื่อให้ตัวหนังตั้งตรงไม่งอ และทำให้มีคันยื่นลงมาใต้ตัวหนังเป็นสองข้างสำหรับจับถือและยกได้ถนัด สถานที่เล่นจะปลูกโรงผ้าใช้ผ้าขาวคาดเป็นจอ ส่วนด้านหลังจอจะจุดไต้และก่อไฟไว้ เพื่อให้แสงทำให้เห็นเงาตัวหนังซึ่งมีลวดลายวิจิตรมาติดอยู่ที่จอผ้าขาว และการเชิดนั้นคนเชิดต้องเต้นไปตามจังหวะดนตรีและบทพากย์บทเจรจาด้วย การแสดงโขนก็ประกอบไปด้วยการพากย์ เจรจา ขับร้อง และการเต้นทำท่าตามบทพากย์ จึงกล่าวได้ว่าโขนนำเอาการพากย์ เจรจา และท่าทางการเต้นการแสดงมาจากหนังใหญ่

ปัจจุบันเหลือคณะหนังใหญ่อยู่ทั้งหมด 3 คณะได้แก่

  1. หนังใหญ่วัดขนอน จังหวัดราชบุรี
  2. หนังใหญ่วัดบ้านดอน จังหวัดระยอง
  3. หนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์ จังหวัดสิงห์บุรี












ประวัติหุ่นกระบอกไทย



  การแสดงอย่างหนึ่งของไทย ซึ่งมีมาแต่โบราณ คือ การแสดงหุ่น เป็นมหรสพอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ

 โดยหุ่นไทย จะมีด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้

หุ่นหลวง 

        หุ่น รุ่นเก่าเรียกกันตามขนาดว่า "หุ่นใหญ่" ซึ่งเป็นชื่อภายหลังที่เกิดหุ่นขนาดเล็ก ที่เรียกว่า

 "หุ่นหลวง" เพราะเป็นของเจ้านายหรือในวังหลวง หุ่นหลวงมีขนาดสูงราว ๑ เมตร มีลำตัว แขน ขา

 และแต่งตัวเช่นเดียวกับละคร  ภายในตัวหุ่นทำสายโยงติดกับอวัยวะของตัวหุ่น และปล่อยเชือกลงมา

รวมกันที่แกนไม้ส่วนล่าง เพื่อใช้ดึงบังคับให้เคลื่อนไหวได้แม้กระทั่งลูกตา  หุ่นรุ่นเก่าสุดมีปรากฏ

 หลักฐานว่า อยู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย นอกจากนั้นยังเล่ากันสืบต่อมา

ว่า ทรงฝากฝีพระหัตถ์การทำหน้าหุ่นหลวงไว้คู่หนึ่ง เรียกกันว่า "พระยารักน้อย พระยารักใหญ่"

หุ่นหลวงนั้นแสดงเรื่องต่างๆ เช่นเดียวกับละครในที่ให้นางในเป็นผู้แสดงทั้งตัวพระตัวนาง

 มีเรื่องรามเกียรติ์ เรื่องอุณรุทธ เป็นต้น ลีลาการแสดงก็ไม่แตกต่างจากละคร  ในการเล่นหุ่นมีการขับร้อง

และการบรรเลง ดนตรีประกอบ คือ มีวงปี่พาทย์อันประกอบด้วยระนาด ฆ้องวง เปิงมาง กลองใหญ่

 กลองกลาง กลองเล็ก ฉิ่ง ฉาบ ตะโพน บางแห่งมีวงปี่พาทย์ถึง ๒ วง คนเจรจา ๔ คน หรือ ๕ คน

 ต่างคนต่างฟังต่างดูกัน จึงเข้าใจเรื่องราวและชักหุ่นออกท่าทางพร้อมการเจรจาไปด้วยกันได้ดี



หุ่นเล็ก 

        เป็นหุ่นซึ่งประดิษฐ์ใหม่โดย กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุล

จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประดิษฐ์ขึ้น ๒ ชนิด คือ หุ่นไทย กับ หุ่นจีน ขนาดของตัวหุ่นสูง ๑ ฟุต 

ซึ่งเล็กกว่าหุ่นหลวงมาก แต่มีความประณีตงดงามเช่นกัน


หุ่นจีน  เป็นตัวละครของเรื่องซวยงัก และเคยเล่นเรื่องหลวงจีนเจ้าชู้ มีลักษณะเป็นหุ่นมือ โดยมีลำคอ

ใหญ่ เพื่อให้สามารถสอดนิ้วชี้เข้าไปภายในได้ หน้าหุ่นเขียนสีต่างๆ ตามลักษณะของหน้างิ้ว

 ครั้งที่สร้างหุ่นจีนนี้ขึ้น คงจะมีจำนวนมาก เพราะจะต้องใช้เป็นตัวละครต่างๆ พร้อมทั้งพวกพลทหารด้วย

 แต่ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น คือ ๑๓๗ ตัว  ยังรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 

และคงเคยเล่นมาหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องสามก๊กด้วย  สำหรับเรื่องหลวงจีนเจ้าชู้นี้ กรมพระราชวัง

บวรวิไชยชาญทรงพระราชนิพนธ์บทด้วยพระองค์เองเป็นภาษาไทย

หุ่นไทย  มีขนาดเท่าหุ่นจีน แต่แต่งเครื่องแบบไทย โดยมากเป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ทั้งหมด 

 ลักษณะของหุ่น เป็นสายใยชักได้ จีงมีทั้งศีรษะ แขน ขา สมบูรณ์ทุกอย่าง  สายใยจะโยงไปตาม

อวัยวะต่างๆ และมีก้านไม้อยู่ตรงกันของตัวหุ่นเพื่อใช้มือถือเชิด และยังมีถุงคลุมก้านไม้นั้นไว้

พร้อมทั้งสายใยด้วย  หุ่นไทยเท่าที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเพียง ๕๓ ตัว 

 โรงหุ่นก็จะคล้ายโรงหุ่นใหญ่

 มีวงปี่พาทย์ประกอบ



หุ่นกระบอก 

        มีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยหม่อมราชวงศ์เถาะพยัคฆเสนา มีประวัติกล่าวไว้ว่า ได้แนวความคิด

มาจากหุ่นของช่างแกะชื่อ เหน่ง ซึ่งทำเล่นอยู่ก่อนที่เมืองอุตรดิตถ์ และนายเหน่งก็ลอกแบบมาจากหุ่น

ไหหลำ แต่ประดิษฐ์ใหม่ให้เป็นแบบไทย กระบวนร้องในการเชิดหุ่นใช้ทำนอง สังขารา

การเล่นหุ่นกระบอก ก็คล้ายละคร แต่ใช้หุ่นแทนคนจริง  ผู้เชิดหุ่นจะต้องรู้วิธีบังคับตัวหุ่น โดยมือหนึ่ง

จับกระบอกไม้ไผ่ อีกมือหนึ่งจับไม้ที่ตรึงไว้กับข้อมือหุ่น เรียกว่า "ไม้ตะเกียบ" เวลาเชิด

 ผู้เชิดมักจะขยับตัวตามจังหวะดนตรีไปด้วย พร้อมกันนั้นก็บังคับหุ่นให้อ่อนไหวกล่อมตัวตามไปด้วย  

การทำท่าอ่อนช้อย เลียนแบบละครรำอย่างแนบเนียน ย่อมเกิดจากความสามารถของคนเชิดหุ่น 

ไม่ว่าจะกล่อมตัว กระทบตัว เชิดย้อนมือ โยกตัว และรำเพลง  หุ่นกระบอกจะมีผ้าคลุมตัวลงมา

จากช่วงไหล่ ยาวเลยปลายไม้กระบอกด้านล่าง ผู้เชิหุ่นจึงสามารถซ่อนมือไว้ภายในได้

 การร้องและเจรจา ผู้เชิดหุ่นที่เป็นสตรีมักจะร้องและเจรจาด้วย นอกจากตัวตลกหรือตัวอื่นๆ

 มักใช้ผู้ชาย แต่การขับร้องดำเนินเรื่องแล้วจะใช้เสียงผู้หญิงทั้งหมด พร้อมกันนั้นลูกคู่ก็จะรับกัน

ให้เสียงแน่นและเป็นช่วงๆ



หุ่นละครเล็ก 

        หรือเรียกว่า ละครเล็ก มีขนาดเล็กกว่าหุ่นหลวง เดิมเป็นของนายแกร ศัพทวานิช คณะหนึ่ง 

กับของนายเปียก ประเสริฐกุล อีกคณะหนึ่ง ละครเล็กของนายแกร  มีมาตั้งแต่ก่อน พ.ศ. ๒๔๖๕

 นิยมเล่นเรื่องพระอภัยมณีและเรื่องอื่นๆ บ้าง  ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง ๓๐ กว่าตัว และได้รับการรักษาไว้

ที่เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ใช้คนเชิด ๓ คน เพราะใช้ส่วนขาเคลื่อนไหวด้วย

 โดยเฉพาะตัวยักษ์ พระ ลิง แต่ตัวนางใช้คนเชิด ๒ คน แสดงทั้งตัว โดยใช้ขาประกอบการร่ายรำด้วย

 จึงต้องมีกลไกสายใยมาก ทำให้สามารถขยับคอ นิ้วมือ และยกขาได้ แต่ก็ไม่แนบเนียนและซับซ้อน

เท่าหุ่นหลวง ละครเล็กของนายเปียก  เริ่มเล่นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ เดิมนายเปียกมีโรงหุ่นกระบอกก่อน 

ต่อมาอีก ๑๕ ปี จึงได้คิดสร้างหุ่นละครเล็กขึ้น โดยอาศัยแบบอย่างของหุ่นกระบอก แต่ว่าตัวใหญ่กว่า

หุ่นกระบอก จะมีแต่ลำตัว ศีรษะ แขน มือเท่านั้น ไม่มีขา ใช้คนเชิดคนเดียวและมีวิธีการเชิดเช่นเดียวกับหุ่นกระบอก

https://sites.google.com/site/otop112/prawati-hun-krabxk-thiy


หุ่นละครเล็ก







                                                             หุ่นกระบอก





                                                               โขนฉาก



หุ่นหลวง

หุ่นละครเล็กคณะโจหลุยส์






https://www.youtube.com/watch?v=oFwUrnjceMY  หุ่นเล็กหรือหุ่นกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ

แบบทดสอบหลังเรียน

 https://docs.google.com/forms/d/1BTi5JeCyUMElxnGZqeWm9xPDp4lj1yUFHWbqw3zc1rE/edit

3 ความคิดเห็น: